ทำความเข้าใจผิวของคุณให้มากขึ้นด้วยการรู้จักชั้นผิวและสภาพผิวในช่วงวัยต่าง ๆ

ชั้นผิว
ไฮโปเดอร์มิส: เป็นชั้นผิวที่มีความลึกที่สุด ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อไขมันที่อยู่ใต้ชั้นเดอร์มิส ทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากความเย็น, ดูดซับแรงกระแทก, และจัดเก็บสารอาหารและพลังงาน ชั้นไฮโปเดอร์มิสที่มีความหนาที่สุดอยู่ที่สะโพก, ฝ่ามือ, และฝ่าเท้า เมื่อเราอายุมากขึ้น ชั้นไฮโพเดอร์มิสจะเริ่มฝ่อ ทำให้ผิวหนังบางลง

เดอร์มิส: เป็นชั้วผิวที่อยู่ระหว่างชั้นไฮโพเดอร์มิสและเอพิเดอร์มิส ซึ่งเป็นกลุ่มเส้นใยของเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างและความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง โดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างจะเรียกว่าคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นเซลล์ชนิดพิเศษที่เรียกว่าแมสต์เซลล์และไฟโบรบลาสต์ ส่วนหลอดเลือดและท่อลำเลียงน้ำเหลืองของชั้นเดอร์มิสก็จะทำงานร่วมกับโครงสร้างเหล่านี้

เอพิเดอร์มิส: เป็นชั้นที่อยู่นอกสุดของผิว ทำหน้าที่เป็นตัวปกป้องผิวหนังภายนอก แบ่งเป็นห้าชั้น เช่น stratum basale, stratum spinosum หรือ prickle-cell layer, stratum granulosum หรือ granular layer, stratum lucidum, และ stratum corneum โดยบริเวณผิวหนังที่บางจะมีชั้นเซลล์อยู่ราว 50 ชั้นเซลล์ ส่วนบริเวณที่มีความหนาจะมีชั้นเซลล์ประมาณ 100 ชั้นเซลล์ ซึ่งมีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1 มิลลิเมตร

สภาพของผิวในช่วงวัยที่แตกต่างกัน
ผิวเด็กทารก: ผิวหนังของเด็กทารกมีความบางกว่าผิวหนังของผู้ใหญ่ราว 20% ถึง 30% ทำให้ผิวหนังของวัยนี้มีความบอบบางมากกว่าวัยอื่นแม้จะมีจำนวนชั้นเซลล์เท่ากันก็ตาม

ผิวเด็ก: ผิวหนังและส่วนอื่น ๆ เช่น ผม, เล็บ, และต่อมต่าง ๆ จะโตขึ้นเล็กน้อยเมื่ออายุสี่ปี

ผิววัยรุ่น: ผิวหนังส่วนใบหน้า, ไหล่, หน้าอก, และหลังจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากอันเนื่องมาจากฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้หญิงจะเริ่มมีสิวขึ้น

ผิวช่วงวัย 20: มวลคอลลาเจนและความืดหยุ่นของผิวหนังจะเริ่มลดลงในอัตรา 1% ต่อปี

ผิวช่วงวัย 30: กระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์จะเริ่มช้าลง ส่วนที่ปกป้องผิวจะอ่อนแอลง ผิวหนังจะเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ผิวช่วงวัย 40 – 50: การจัดเรียงเซลล์ของชั้นเอพิเดอร์มิสจะหายไป เซลล์ที่มีอยู่จะหดตัว ชั้นบนสุดของผิวบางลง ชั้นเดอร์มิสจะสูญเสียโครงสร้างเส้นใยและสูญเสียความสามารถในการกักเก็บน้ำ เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังลดลง พลังงานของผิวหนังลดลง อีกทั้งผิวหนังทนทานต่อแรงกดได้ลดลง

ผิวช่วงวัย 60 – 70: ผิวหนังจะแห้ง ขาดน้ำ และมีริ้วรอยลึก การสร้างผิวหนังและการหายของแผลจะช้าลง ไวต่อแสง UV เพิ่มมากขึ้น และผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น

ส่วนประกอบที่จำเป็นต่อผิวหนัง
ไลพิด: ชั้นไขมันที่ช่วยไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยไป

Natural Moisturizing Factor (NMF): เช่น กรดอะมิโน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

เซราไมด์: ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรงระหว่างเซลล์ผิวหนัง ป้องกันการระคายเคืองของผิวหนัง